16 วิธีกำจัดสิวเสี้ยน & สูตรลอกสิวเสี้ยนแบบสะใจ !

สิวเสี้ยน อีกปัญหาหนึ่งของสิวที่น่ากวนใจไม่น้อยเลย เพราะเจ้าสิวชนิดนี้จะมาทีเป็นกองทัพ มีสาเหตุการเกิดสิวคล้าย ๆ กับสิวอุดตัน แต่มีความแตกต่างตรงที่สิวเสี้ยนจะมีขนเข้ามารวมตัวอยู่กับไขมันด้วย ซึ่งขนเหล่านั้นจะมีจำนวนมากกว่าเส้นเดียว บางคนแค่สิวหัวเดียวยังมีขนขดอยู่ถึง 50 เส้น แล้วขนที่รวมตัวขดกันอยู่ก็ไม่หลุดร่วงอย่างที่ควรจะเป็น จึงทำให้มันสะสมสิ่งสกปรกแล้วอุดตันจนกลายเป็นสิว

สิวเสี้ยน (Trichostasis spinulosa) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยสูงอายุ ตามหลักแล้วสิวเสี้ยนจะเป็นสิวที่เกิดจากความผิดปกติของต่อมรูขุมขน โดยมีลักษณะคล้ายกับสิวอุดตันหัวดำและมีกระจุกขนเล็ก ๆ หลายเส้นแทรกอยู่ในหัวสิวอุดตันด้วย มีลักษณะเป็นจุดดำเล็ก ๆ ตามใบหน้า หรือมีหนามแหลม ๆ ยื่นออกมาทางรูขุมขน โดยมักพบขึ้นบริเวณปลายจมูก หน้าผาก ข้างแก้ม บริเวณคาง คอด้านหลัง ซึ่งสิวเสี้ยนในความหมายก็คือกระจุกของเส้นขนอ่อน ๆ หลายสิบเส้นและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอุดตันอยู่ในรูขุมขน

ส่วนสิวเสี้ยนอีกความหมายหนึ่ง ที่คนทั่วไปมักใช้ในความหมายของ “ก้อนไขมันอุดตัน” หรือที่เรียกว่า คอมีโดน (Comedone) จะเป็นสิวเสี้ยนที่เกิดจากต่อมไขมันผลิตไขมันมากเกินไป ทำให้ไขมันหลั่งออกมาไม่ทัน จนเกิดเป็นก้อนอุดตันขึ้นมาในท่อรูขุมขน บางครั้งก้อนไขมันอุดตันก็ไม่มีรูเปิด ทำให้เห็นเป็นสิวหัวขาวฝังอยู่ในผิวหนัง แต่สิวเสี้ยนที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้คือสิวเสี้ยนตามความหมายแรก ซึ่งสิวเสี้ยนหรือขนอุดตันนี้ก็ไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด นอกจากจะมีปัญหาในด้านความงามหรือก่อให้เกิดความรำคาญเท่านั้น
1497716471.jpg
สาเหตุการเกิดสิวเสี้ยน 
กลไกการเกิดสิวเสี้ยนในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากการสร้างเซลล์ที่มากผิดปกติ และมักจะเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก การเกิดสิวเสี้ยนมักจะเริ่มจากมีการอุดตันที่ท่อต่อมไขมัน หรือมีการผลิตไขมันออกมามาก จึงเกิดการอุดตันในรูขุมขน และไขมันจะไปรวมตัวกับเซลล์ชั้นขี้ไคลจากผนังท่อ จนกลายเป็นก้อนที่เรียกว่า “คอมีโดน” และนอกจากการอุดตันของไขมันจนเป็นก้อนขาว ๆ แล้ว ยังมีขนที่คุดคู้อยู่ข้างในด้วย ซึ่งแทนที่ 1 รูขุมขนจะมีขนเพียง 1 เส้น แต่กลับมีขนอ่อนเส้นเล็ก ๆ หลายเส้นอัดกันอยู่ รวมตัวกับเซลล์ชั้นขี้ไคล และถูกห่อหุ้มด้วยผนังท่อต่อมไขมัน จนเกิดการอุดตัน ถ้าลองบีบดูจะเห็นเส้นสีขาวเหมือนตัวหนอน หากนำมาส่องด้วยแว่นขยายก็จะเห็นขนอ่อนจำนวนมากประมาณ 6-50 เส้น นอกจากจะเห็นว่ามีลักษณะเป็นจุดดำ ๆ แล้ว ยังมีหนามแหลม ๆ ยื่นออกมา เวลาใช้มือคลำจะรู้สึกสะดุดเหมือนหนาม
วิธีรักษาสิวเสี้ยน 
1) เริ่มจากดูแลตัวเอง เราสามารถลดสิวเสี้ยนได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ โดยการรักษาความสะอาดบนใบหน้า พยายามอย่าให้หน้ามัน หากหน้ามันระหว่างวันก็ให้ใช้ทิชชู่ซับหน้าแทนการใช้กระดาษซับมัน หรือจะล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าแล้วซับหน้าให้แห้งก็ได้ และไม่ควรล้างหน้าเกินวันละ 2 ครั้ง พยายามเลือกใช้เครื่องสำอางที่ช่วยดูดซับความมัน เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีเนื้อบางเบา เช่น แบบเจลหรือโลชั่น และใช้ในปริมาณน้อย เพื่อลดการอุดตันบริเวณรูขุมขน และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม เน้นรับประทานผักและผลไม้ให้มาก ๆ เลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว 
2) หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง การรักษาต้องมาควบคู่กับการป้องกัน คุณควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดสิวเสี้ยนไม่ว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้หน้ามันหรือปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้รูขุมขนกว้าง เช่น บำรุงผิวหน้าจนเกินความจำเป็น บีบสิวเสี้ยนหรือกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง รวมไปถึงการนวดหน้า ขัดหน้าบ่อย ๆ เช็ดถูกหน้าแรง ๆ จนเป็นการรบกวนรูขุมขน ทำให้รูขุมขนกว้างและก่อให้เกิดการอุดตันได้ง่ายจนกลายเป็นปัญหาไม่รู้จบ 
3) เบนซอยเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide – BP) หรือยาบีพี ให้นำมาใช้ทาให้ทั่วหน้าก่อนการล้างวันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็นหรือก่อนนอน โดยให้ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ยานี้จะออกฤทธิ์ไปลดปริมาณไขมันที่ผิวหนังและช่วยละลายสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขน จึงช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันได้ เริ่มต้นควรใช้ในขนาดความเข้มข้นต่ำก่อนหรือขนาด 2.5% เมื่อผิวเริ่มชินกับยาแล้ว จึงค่อยเพิ่มระยะเวลาการทาให้นานขึ้น และเพิ่มความเข้มข้นของยาเป็น 5% หรือ 10% ไขมันที่อุดตันก็จะถูกละลาย แต่ขนที่คุดเป็นเส้นดำ ๆ นั้น อาจต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การกดออก
4) เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA และ BHA (ยาละลายสิวเสี้ยน) เพราะมันจะช่วยทำให้ไขมันอ่อนตัวลง ทำให้เราสามารถเอาสิวเสี้ยนออกมาได้โดยง่าย เมื่อเรานำเอาสิวเสี้ยนออกจากรูขุมขนของเราได้แล้ว ก็ต้องกระชับรูขุมขนด้วยโทนเนอร์ทันที เพียงเท่านี้ก็สามารถลดการเกิดสิวเสี้ยนได้แล้วล่ะ สำหรับผลิตภัณฑ์ประเภท BHA อาจหาได้ไม่ง่ายนัก แม้ว่าจะใช้ชื่อ BHA (Beta hydroxyl acid) แต่บนฉลากมักเขียนว่า Salicylic acid แถมเรายังไม่รู้ด้วยว่ามี BHA ผสมอยู่มากพอที่ช่วยละลายไขมันได้หรือไม่ เลยทำให้คนใจร้อนรู้สึกว่ามันเห็นผลช้า ดังนั้นถ้าอยากจะใช้ตัวช่วยที่รวดเร็วกว่า BHA ก็ขอแนะนำเป็น “เรตินอยด์” (ภาพ : teeneeshop.com)
1497712763.jpg
5) ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยละลายการอุดตันของต่อมไขมัน ลดการเกาะตัวของเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์บริเวณรูขุมขน จึงช่วยป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนใหม่และช่วยทำให้สิวเสี้ยนหลุดออกมาได้ง่าย ในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบแอลกอฮอล์เบสและแบบวอเตอร์เบส ส่วนการเลือกใช้ก็ดูว่าเราเหมาะกับแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่าง เรตินเอ (แอลกอฮอล์เบส) หรือ ดิฟเฟอริน (วอเตอร์เบส) โดยเรตินอยด์นั้นจะมีการทำงานคล้ายกับ BHA แต่จะให้ผลรวดเร็วทันใจกว่า ทำให้สิวเสี้ยนหลุดออกมาจากรูขุมขนได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าใช้ร่วมกับมาส์กลอกสิวเสี้ยนและทำการกระชับผิวด้วยโทนเนอร์และเจลสำหรับกระชับรูขุมขนละก็ ผิวของคุณก็จะเรียบเนียนสมใจอยากแล้วล่ะ (ภาพ : ladysquare.com by huyjen)
1497712835.jpg
6) ลอกหน้าด้วยกรดผลไม้ (Chemical peeling) เป็นกรรมวิธีที่ทำให้เกิดการหลุดลอกของเซลล์ผิวหน้ารวมทั้งไขมันที่อุดตัน ด้วยการใช้กรดผลไม้ (AHA) หรือใช้ Trichloracetic acid (TCA) ก็ทำให้สิวเสี้ยนง่ายต่อการกดออก แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้ก็มักได้ผลในระยะเวลาสั้น ๆ คุณอาจต้องทายาร่วมด้วยเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
1497712922.jpg
7) ใช้เครื่องมือกดสิว นำมากดบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยนดำ ถ้าเป็นสิวหัวดำก็จะมีก้อนไขมันสีดำผุดออกมา แต่ถ้าเป็นสิวเสี้ยนชนิดเส้นขนก็อาจได้กระจุกเส้นขนอุดตันหลุดออก แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้
8) แผ่นลอกสิวเสี้ยน ที่ลอกสิวเสี้ยนอาจจะอยู่ในรูปของแผ่นแปะจมูกที่เคลือบสารทำให้ติดแน่น เมื่อนำมาแปะจมูกทิ้งไว้สักพัก หรือจะใช้สาร cyanoacrylate polymer glue ซึ่งมีคุณสมบัติในการติดแน่นคล้ายกาวตาช้าง นำมาทาบนแผ่นสไลด์ แล้วนำมาแปะบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยน แล้วดึงออก สิวเสี้ยนก็จะหลุดออกมา วิธีนี้ได้รับความนิยมกันมาก เพราะราคาทำไม่แพง เห็นผลทันใจ สามารถทำให้สิวเสี้ยนหลุดออกไปได้บ้าง แต่มักกำจัดได้ไม่หมด และไม่สามารถกำจัดสิวเสี้ยนได้ทุกที่ แต่ก็ควรระวังด้วย เพราะสารเคมีเหล่านี้อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ และคุณไม่ควรทำเกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนรูปตัวอย่างคือแผ่นลอกสิวเสี้ยนยี่ห้อ LICEKO ราคาประมาณ 199 บาทครับ (ภาพ : dek-d.com by modemonz)
1497712991.jpg
1497713059.jpg
9) มาร์คลอกสิวเสี้ยน หรือ ครีมลอกสิวเสี้ยน มีหลายยี่ห้อเลยครับ ที่ได้รับความนิยมก็ยี่ห้อนี้เลยครับ สะใจสุด ๆ Blackhead EX Nose Clay Mask (ภาพ : pantip.com by kakigori *)
10) กาวตราช้างลอกสิวเสี้ยน อาจจะอึ้ง ๆ หรือสงสัยว่าใช้แล้วมันไม่ติดหน้าหรือ? ก็บอกเลยครับว่ากาวมันไม่ติดหน้าหรอก แต่มันจะไปติดอยู่ที่เทป ถ้าถามว่าอันตรายไหม? ถ้าใช้เป็นก็ไม่เป็นอันตรายครับ แต่ห้ามเอาไปลอกส่วนอื่นนอกจากจมูกโดยเด็ดขาด และให้ทำ 2 อาทิตย์ต่อ 1 ครั้ง เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนผิวมากเกินไป วิธีนี้อาจจะเหมาะสำหรับคนที่ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนมาสักพักแล้ว หลัง ๆ มันเริ่มลอกสิวไม่ค่อยออก ใช้ไข่ขาวอยู่นานจนเริ่มไม่ได้ผล ก็อาจจะลองหันมาใช้กาวตราช้างลอกสิวเสี้ยนดูก็ได้ โดยเริ่มจากเตรียมอุปกรณ์คือ เทปย่น ขนาดความกว้างประมาณ 1 นิ้วครึ่ง (เล็กกว่านี้จะไม่ค่อยเวิร์ค) และ กาวตราช้าง ครับ  (ภาพ : pantip.com by เซนทาโร่)
1497713205.jpg
จากนั้นก็เริ่มตัดกระดาษกาวให้เข้ากับรูปหน้า ชิ้นไม่ต้องใหญ่มาก อย่างจมูกเราจะตัดทำเป็น 3 ส่วนด้วยกัน เมื่อตัดเสร็จแล้วให้เอาด้านกาวมาแปะนิ้วไว้แบบนี้
1497713215.jpg
แล้วบีบเกาลงไปเบา ๆ เกลี่ยให้ทั่ว ๆ บาง ๆ ไม่ต้องให้ชุ่มมากนัก เหลือส่วนขอบไว้ด้วย เพราะตอนนำมาแปะมันจะได้ไม่ล้นออกมาที่ผิวหน้า
1497713222.jpg
เมื่อทากาวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอาแผ่นกาวไปโบกกับอากาศซัก 7-8 รอบ หรือประมาณ 30 วินาที ไม่ต้องกลัวว่ากาวมันจะแข็ง (เพราะถ้าเอาไปแปะทันทีโดยไม่โบกอากาศก่อนมันจะร้อน ๆ ที่ผิว และมีกลิ่นฉุนมาก) จากนั้นก็นำมาแปะลงบริเวณจมูก ค่อย ๆ เอามือลูบ ๆ ถู ๆ ให้แผ่นกาวแนบกับผิว แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เมื่อแห้งแล้วก็ให้ลอกแผ่นกาวออกเบา ๆ โดยดึงจากล่างขึ้นบน ก็เป็นอันเสร็จครับ
1497713228.jpg
11) สูตรไข่ขาวลอกสิวเสี้ยน สูตรนี้เป็นสูตรกำจัดสิวเสี้ยนที่ได้รับการยอมรับมาเป็นเวลานาน วิธีการทำก็เพียงแค่ทาไข่ขาวลงบนใบหน้าแล้วเอาทิชชู่โปะไว้ หลังจากนั้นก็ให้ทาไข่ขาวทับอีกที จากนั้นก็รอให้แห้งแล้วค่อย ๆ ดึงออก โดยเริ่มดึงจากคางขึ้นมาจนถึงหน้าผาก สิวเสี้ยนก็จะหลุดออกมาตามทิชชู่ เมื่อทำเสร็จแล้วก็ล้างหน้าตามด้วยด้วยโทนเนอร์กระชับรูขุมขน
12) สูตรนมสดผสมผงเจลาติน สูตรนี้เป็นสูตรที่บล็อกเกอร์ความงามทั้งในและต่างประเทศต่างก็คอนเฟิร์มแล้วว่ามันใช้ได้ผลจริง ก่อนจะทำให้เราเตรียมผิวส่วนที่ต้องการจะลอกสิวเสี้ยนด้วย BHA หรือน้ำมะนาวสด อย่างใดอย่างหนึ่ง ทิ้งไว้แล้วค่อยลงมือทำ โดยวิธีการทำก็คือให้คุณใช้นมสดและผงเจลาตินในสัดส่วนที่เท่ากันผสมลงในถ้วย
13) สูตรน้ำมะนาว สูตรนี้มีมะนาวเป็นพระเอก เพราะมะนาวมี AHA ที่ช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว เพื่อให้เซลล์ใหม่ทำงานได้อย่างเต็มที่ และยังช่วยทำความสะอาดรูขุมขน จึงทำให้สิวเสี้ยนอ่อนตัวและออกมาจากรูขุมขนได้ง่ายยิ่งขึ้น แม้ว่าวิธีนี้อาจจะไม่ได้ผลรวดเร็วทันใจนัก แต่ถ้าทำเป็นประจำก็จะช่วยลดการเกิดสิวเสี้ยนใหม่และทำให้สิวเสี้ยนเก่าลดลงอีกด้วย นั่นก็คือ ให้เราคั้นน้ำมะนาว แล้วนำสำลีมาชุบน้ำมะนาวที่ได้แล้วนำมาทาตรงบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยน ทิ้งไว้ได้ทั้งคืน โดยให้ทำก่อนการลงครีมบำรุงทั้งหลาย แต่ถ้าต้องการความอ่อนโยนมากกว่านี้ก็ให้นำน้ำมะนาวมาผสมกับน้ำเปล่าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยนำมาทาหน้า แต่หากทนไม่ได้จริง ๆ ก็ให้ล้างออก แล้วค่อย ๆ เพิ่มเวลาให้นานขึ้นในวันถัดไป (คุณสามารถประยุกต์สูตรนี้ได้หลังจากทาน้ำมะนาวเสร็จแล้ว ก็ให้ตามด้วยดินสอพองหรือแป้งโยคี) 
14) เครื่องดูดสิวเสี้ยน มีทั้งแบบมือถือซื้อมาทำเอง (เห็นคนบ่นเหมือนกันว่าไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร สู้แผ่นลอกสิวทั่วไปไม่ได้เลย) หรือแบบเครื่องใหญ่ที่ใช้กันตามคลินิกทั่วไปครับ ที่จะใช้โอโซนร้อนเพื่อเปิดรูขุมขนก่อน เพื่อลดการอุดตัน และตามด้วยเครื่องดูดสูญญากาศดูดเอาสิ่งที่อุดตันออกมา ราคาต่อครั้งก็ไม่แพงครับ ประมาณ 150-250 บาท
15) ใช้เครื่องไอพีแอล (Intense pulse light – IPL) การทำไอพีแอลนั้นเป็นการส่งพลังงานแสงลงไปเพื่อกำจัดขนที่รากของมัน จึงทำให้ขนที่คุดคู้เหล่านี้หลุดออกได้ สามารถช่วยป้องกันการเกิดเซลล์ขนใหม่ในบริเวณดังกล่าวได้ เป็นวิธีที่ได้ผลดี มีผลข้างเคียงน้อย และสามารถทำได้ทุกบริเวณของร่างกายที่มีสิวเสี้ยน แต่การจะกำจัดให้ออกไปโดยสิ้นเชิงนั้นอาจต้องทำหลายครั้งหน่อย 
16) เลเซอร์สิวเสี้ยน เป็นวิธีที่ช่วยกำจัดจุดดำ ๆ จากสิวเสี้ยนได้มากกว่าร้อยละ 50 และเมื่อทำหลาย ๆ ครั้งจะสามารถกำจัดสิวเสี้ยนได้เกือบหมด แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องรูขุมขนกว้างที่อาจทำให้เกิดสิวเสี้ยนได้อีก หลังการทำอาจมีผลข้างเคียงคือรอยแดงบริเวณที่ทำ ซึ่งจะหายไปเองประมาณ 2-3 วัน วิธีนี้จะใช้ได้ผลดีในกรณีสิวเสี้ยนหัวดำ แต่มีค่าบริการค่อนข้างแพง
สิวเสี้ยนนั้นถ้าหากคุณไม่รำคาญมากนัก คุณอาจจะอยู่เฉย ๆ โดยไม่ต้องใช้ยาหรือเครื่องมืออะไรก็ได้ ขอแค่ดูแลตัวเองไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดสิวเสี้ยนใหม่ เพราะธรรมชาติมักจะค่อย ๆ ขจัดสิวออกไปได้เองอยู่แล้ว คุณจึงไม่ต้องเสี่ยงต่อผลแทรกซ้อนจากการใช้ยาหรือใช้กรรมวิธีต่าง ๆ ที่กล่าวมา เพราะสิวเสี้ยนนั้นยังไม่มีวิธีที่จะรักษาให้หายขาดได้ 100% เพียงแต่ภาวะดังกล่าวเราสามารถรักษาให้ทุเลาลงจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจได้ หากรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม
Credit MedThai